3สิ่งของนวัตกรรมหูฟัง สู่ความล้ำสมัย

1. การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ใช้งานแบบ หักดิบ!

ย้อนกลับไปในปี 2016 ตอนที่มีการเปิดตัว iPhone 7 Series อยู่ๆ Apple ก็ตัดช่องหูฟัง AUX/3.5 mm. ออกไป ด้วยเหตุผลที่ว่า AUX/3.5 mm. นั้นเริ่มโบราณไปแล้ว การตัดออกจะช่วยเพิ่มพื้นที่ให้เทคโนโลยีอื่นๆ ในเช่น กล้อง, Chipset และมาตรฐานกันน้ำ IP67 รวมถึงยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ให้เทคโนโลยีใหม่อย่างปุ่ม Home ที่เปลี่ยนมาใช้ Taptic Engine แทนการกด Physical แบบเดิม เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์แรกในโลกที่ตัดสินใจหักดิบผู้ใช้งาน แน่นอนว่าช่วงแรกได้รับกระแสตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ด้วยความที่ผู้ใช้งานบางคนยังมีหูฟังตัวโปรดที่ใช้การเชื่อมต่อแบบ AUX/3.5 mm. อยู่ และ True Wireless ในตอนนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรนัก

2. การมาของนวัตกรรมหูฟังไร้สายเปลี่ยนโลก

หลังจากการเปิดตัว Apple iPhone 7 Series ที่ไม่มีช่องเชื่อมต่อหูฟัง ช่วงนั้นก็มีแบรนด์ที่ปล่อยสินค้า หูฟัง True Wireless กันออกมาบ้างแล้วแต่ด้วยความที่ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่และบางรุ่นมีปัญหาอยู่บ้าง ทำให้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร จนกระทั่ง Apple เปิดตัว หูฟัง AirPods หรือ True Wireless รุ่นแรกของแบรนด์ ที่มาพร้อมนวัตกรรมในระดับเปลี่ยนโลกที่สามารถเข้ามาเปลี่ยนแนวคิดของผู้ใช้งานให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งการเชื่อมต่อที่เสถียรที่ การใช้งานที่ง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ไปจนถึงการใช้งานได้ทันทีไม่ต้องตั้งค่าใดๆ เพิ่มเติมที่ทาง Apple ออกแบบมาให้ง่ายดายในระดับที่คนไม่รู้เทคโนโลยีอะไรมาก่อนก็สามารถใช้งานได้ และเรื่องเสียงที่แม้จะไม่ได้ยอดเยี่ยมเป็นอันดับ 1 แต่ก็ฟังได้สนุก กลมกล่อมครบทุกย่าน นั่นจึงทำให้ผู้ใช้งานเริ่มหันมาเลือกใช้ AirPods กันมากขึ้น จนทำให้ขึ้นแท่นหูฟังยอดนิยมได้ไม่ยากทำให้บรรดาแบรนด์หูฟังอื่นๆ นำไปพัฒนาต่อไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกัน และเทคโนโลยีเซนเซอร์และการเชื่อมต่อต่างๆ เป็นต้น

3. เทคโนโลยีภายในที่ทำให้ AirPods มหัศจรรย์

สิ่งที่ทำให้ AirPods เหนือกว่าแบรนด์อื่นๆ ก็คือเทคโนโลยีระดับ Hi-End ที่ส่วนใหญ่ Apple จะเป็นแบรนด์แรกที่เลือกใช้เทคโนโลยีนั้นๆ หรือไม่ก็จะนำเทคโนโลยีที่น่าสนใจไปพัฒนาให้ยอดเยี่ยมขึ้น

3.1 Chipset W1: เป็นชิปสำหรับหูฟังไร้สายรุ่นแรกของ Apple ช่วยในเรื่องการประมวลผลและ Performance ต่างๆ เชื่อมต่อได้เสถียร ประหยัดพลังงาน และที่สำคัญเลยคือหน้า UI การเชื่อมต่อที่ล้ำสมัย เชื่อมได้ง่ายเพียงสัมผัสเดียว

3.2 Chipset H1: ชิปรุ่นอัพเกรดที่ใส่มาใน AirPods 2, AirPods Pro และ AirPods Max มาพร้อมค่าความหน่วงที่ต่ำลง 30% Bluetooth เวอร์ชั่นใหม่เชื่อมต่อได้เร็วขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น และรองรับการเรียก Siri ด้วยเสียง

3.3 Active Noise Cancelling: ก่อนหน้านี้มักจะมีอยู่ใน หูฟัง Over-Ear เท่านั้น ทาง Apple ก็นำไปพัฒนาและใส่มาใน AirPods Pro ที่ตัดเสียงได้อย่างยอดเยี่ยมจนกลายเป็นว่าทุกวันนี้หูฟัง True Wireless แทบทุกแบรนด์จะต้องมีฟังก์ชั่นนี้

3.4 นวัตกรรมการควบคุม: Apple AirPods 1 และ 2 ใช้การควบคุมด้วยระบบสัมผัสเป็นแบรนด์แรกๆ จนมาในรุ่น AirPods Pro ก็เปลี่ยนมาใช้การบีบที่ก้านซึ่งแปลกใหม่สุดๆ และล่าสุด AirPods Max Apple ที่เอา Digital Crown ที่อยู่บน Apple Watch มาขยายและใช้เป็นปุ่มควบคุมหูฟังที่นอกจากจะหรูหราไม่ซ้ำใครแล้วยังควบคุมได้ง่ายอีกด้วย

ที่มา: mercular